ช่วงระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งพระสังฆราช ของ พระนิกเก็ง โชนิง

ในรัชสมัยของพระนิคเคนโชนิน นั้นเป็นสมัยที่เต็มไปด้วยความสำเร็จและการขัดแย้งพระนิคเคนได้จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบการจากไปของพระนิชิเรนครบ 700 ปี ในปี ค.ศ. 1981, 650 ปี ครบรอบการจากไปของผู้ก่อตั้งวัดใหญ่ไทเซขิจิพระนิกโค โชนิน และ พระนิชิโมขุ โชนิน (ค.ศ. 1982), ครบรอบ 700 ปีการก่อตั้งวัดใหญ่ไทเซขิจิ (ค.ศ. 1990) และ 750 ปีของการก่อตั้งนิกายนิชิเรนโชชู (ค.ศ. 2004)

พระนิคเคน โชนิน ยังได้ทรงทำพระราชกรณียกิจที่จะฟื้นฟูความศรัทธาของนิกายนิชิเรนโชชู ซึ่งได้สูญลายไปในระหว่างที่นิกายนิชิเรนโชชูได้ติดต่อกับองค์กร โซกางัคไค และ เอสจีไอ ซึ่งเคยเป็นองค์กรฆราวาสของนิกายนิชิเรนโชชู และทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมในฐานะฆราวาส หลังจากที่นิกายนิชิเรนโชชูได้ทำการขับไล่สมาคมสร้างคุณค่าออกจากนิกายแล้วนั้น พระนิคเคนโชนิน ยังได้ทำลายสิ่งปลูกสร้างคอนกรีตซึ่งได้ถูกสร้างถวายโดยสมาชิกของโซกางัคไค และแทนที่ด้วยวิหารที่เหมาะกับบรรยากาศ และความปลอดภัยที่สูงขึ้น โดยยึดหลักความดั้งเดิมของศาสนาพุทธญี่ปุ่น

หลังจากการคว่ำบาตรสมาคมสร้างคุณค่า พระนิคเคนโชนิน ได้ทำการเปิดวัดนิกายนิชิเรนโชชูในต่างประเทศจำนวนมาก (วัดล่าสุดคือที่สิงคโปร ในธันวาคม 2005 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่ดำรงตำแหน่งสังฆราช) และเปิดศูนย์เผยแผ่ธรรมใน แอฟริกา, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาใต้ รวมไปถึง ยุโรป และ อเมริกาเหนือ และแต่งตั้งพระสงฆ์ผู้ทรงคุณวุฒิรุ่นใหม่เป็นผู้ดูแล อีกทั้งยังมีหลายครั้งที่พระนิคเคน โชนิน ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้นับถือในต่างประเทศด้วยพระองค์เอง ด้วยพระชนมายุที่มากขึ้น

พระนิคเคนโชนิน เป็นพระสังฆราชองค์แรกและองค์เดียวของนิกายนิชิเรนโชชู ที่อยู่ในตำแหน่งสังฆราชจนถึงอายุ 80 พรรษา และได้ทำการสละตำแหน่งสังฆราชหลังจากดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลานานถึง 27 ปี พระองค์เป็นผู้ฟื้นฟูวัดใหญ่ไทเซขิจิ ในด้านพิธีกรรมและประเพณีแบบดั้งเดิมทั้งหมดซึ่งมีหลายสิ่งที่ได้ถูกยกเลิกไปในสมัยของโซกางัคไค ในแง่มุมของผู้นับถือนิกายนิชิเรนโชชู พระนิคเคนโชนินได้ยึดมั่นว่า หลักธรรมของนิชิเรนโชชูน้นไม่อาจสามารถตีความเองโดยผู้นับถือได้ตามอำเภอใจ แต่ต้องยึดแบบดั้งเดิมตามแบบฉบับของพระนิชิเรนไดชนิน พระนิคเคนโชนิน ยังมีพระชนม์ชีพยืนยาวและได้คว่ำบาตรกลุ่มผู้นับถือที่ได้ตัดสินใจเลือกตีความหลักธรรมของนิชิเรนโชชูตามความคิดของตนถึง 3 กลุ่ม

ใกล้เคียง